
จากใจครูใต้ปลายด้ามขวาน
ครูผู้ประเสริฐ เป็นที่เลื่อมใสศรัธาของศิษย์ อบรมชักนำศิษย์ไปในทางที่ดี ความรู้อันกระจ่างแจ้งของครู และด้วยคุณธรรมของครู จึงน่าจะสรุปได้ว่า "ครูที่ดีมีความสามารถ ต้องเป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม" หากไม่มี บันใดขั้นแรก ก็ไม่อาจที่จะใต่ข้ามไปยังบันใดขั้นต่อไปได้ ครูจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของศิษย์ เป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่อง ครูเป็นบุคคลที่ไม่มีอาวุธที่จะใช้สำหรับการประหัตประหารหรือใช้ทำร้ายผู้ใด อาวุธของครูคือชอล์กกับไม้เรียวที่จะเป็นอาวุธสำหรับการให้ความรู้กับศิษย์ แต่น่าใจหาย จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา ๕ ปีกว่า
ครูผู้ไม่ควรที่จะต้องสละชีวิตให้กับการกระทำของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีครูเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ จากวันเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบนับถึงวันนี้ครูจำนวน ๑๑๓ คน ที่ต้องสูญเสียชีวิต ยังไม่รวมถึงครูที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน สำหรับหลายๆ ท่านอาจจะไม่มีความรู้สึกใดๆ หากไม่เจอกับตนเอง แต่ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นครูคนหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ ถึงแม้ว่าจะได้มีโอกาสย้ายออกนอกพื้นที่ไปเมื่อปี ๒๕๔๙ แต่ก็เพราะย้ายติดตามครอบครัว และปี ๒๕๕๑ เป็นต้นมายังได้กลับมาช่วยปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่อีกครั้ง อยากจะบอกกล่าวความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะผู้เขียนเอง ก็เคยประสบเหตุด้วยตนเอง
เมื่อเดือนเมษายน ปี ๒๕๔๗ ได้เดินทางเข้าไปในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ใช้เส้นทางบ้านเจาะกือแย เวลาประมาณ ๒๑.๓๐ นาฬิกา ปากทางเข้าไปก็มีป้อมตำรวจอยู่ แต่ก็ไม่มีการแจ้งข่าวใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะยังไม่ทราบก็ไม่อาจคาดเดา เข้าไปประมาณ ๕ กิโลเมตร ก็เจอต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางถนนอยู่ พอถอยรถกลับก็รู้สึกถึงความไม่ปกติของล้อรถ แต่ก็กลับรถออกมาจนถึงหน้าป้อมตำรวจ แวะจอดดูล้อรถถึงได้รู้ว่าโดนตะปูเรือใบ ๓ ล้อ เหลือเพียงล้อเดียวที่ไม่โดน จึงบอกตำรวจที่อยู่หน้าป้อม ตำรวจก็บอกว่ารู้แล้ว กำลังจะปิดเส้นทางอยู่เหมือนกัน นี่คือคำตอบ ก็ไม่ทราบว่าตำรวจเพิ่งรู้หรือรู้ก่อนแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเส้นทางกลับทางถนนใหญ่ แต่ไปไม่ถึงหรอก ยางรถโดนหนักขนาดนั้น ต้องโทรหาปลัดอำเภอสายบุรี และรอรถของเทศบาลมาช่วยลากรถให้ ขณะนั้นก็ปาเข้าไป ๔ ทุ่มกว่าๆ ก็ตกอยู่ในสภาวะที่มีแต่ความกลัว แต่อาจจะเป็นได้ว่ายังไม่ถึงคราวตาย จึงได้รอดพ้นจากเหตุการณ์คราวนั้นมา แต่ถ้าหากเจอกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดักซุ่มยิงในวันนั้น ณ วันนี้ก็คงไม่มีโอกาสที่จะมีลมหายใจอย่างแน่นอน แม้จะเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยที่ประสบด้วยตนเองแต่ยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ในขณะที่บุคคลอื่นได้รับบาดเจ็บ ถึงล้มตาย ความรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งตนเองและญาติพี่น้องคงจะมากกว่าผู้เขียนหลายเท่านัก
การลอบทำร้ายครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่หน่วยงานทางด้านความมั่นคงไม่ควรจะมองข้าม แม้จะได้ผลในทางจิตวิทยาของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่ในทางตรงกันข้าม กลับกลายเป็นการทำร้ายและทำลายชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง การมุ่งร้ายบุคคลที่บริสุทธิ์ถึงชีวิต เป็นสิ่งที่ผิดทั้งหลักคุณธรรม จริยธรรม ผิดหลักศาสนา ผิดกฎหมาย แต่ผู้ก่อความไม่สงบ ทำร้ายครู ฆ่าครู ไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี การเผาโรงเรียน การทำร้ายครู ไม่ควรจะเกิดขึ้นในดินแดนที่ได้ชื่อว่า ระเบียงแห่งเมกกะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ชีวิตครูผู้ให้ต้องดับสูญรายแล้วรายเล่า และหากเหตุการณ์ความไม่สงบยังไม่ยุติ เชื่อว่าการทำร้ายครูก็ยังจะเกิดขึ้น
มีใครที่จะให้คำรับรองในความปลอดภัยแก่ครูในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้บ้าง การขอย้ายไปสอนที่อื่นจะเป็นความต้องการสุดท้ายของครู แต่การเป็นครูในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงอันตรายเพื่อศิษย์ผู้ที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป คือสิ่งเดียวที่ยืนหยัดอยู่ในหัวใจของครู ไม่ใช่เฉพาะชีวิตของครูเท่านั้น ชีวิตทุกชีวิตไม่ควรจะสูญเสีย กี่ภาพกี่ข่าวของความสูญเสียที่ผ่านสายตา ในเรื่องของการทำผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือ วิทยฐานะของครูก็เป็นความหวังที่เลือนลาง แม้แต่ดูแลชีวิตตัวเองยังลำบาก ตอนเช้าไปทำงาน ตอนเย็นอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน สิ่งที่หวังคืออยากให้เหตุการณ์ความไม่สงบยุติแบบเด็ดขาด เพราะผู้เขียนเชื่อว่าหากเหตุการณ์ความไม่สงบไม่ยุติ การพัฒนาจะไม่เกิด หรือถ้ามีก็จะเป็นแบบลุ่มๆ ดอนๆ นโยบายต่างๆ บวกกับงบประมาณที่มากมายจากภาครัฐที่ทุ่มมายังพื้นที่จังหวัดภาคใต้เป็นเรื่องดีหากบรรลุเป้าหมายเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยตรง ได้พูดคุยกับบุคคลท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้แต่ขอสงวนนาม ผู้เขียนตั้งคำถามกับท่านว่า "เมื่อไหร่เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จะยุติ ?" ท่านผู้นี้ตอบว่า "หากรู้แล้วจะอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ หากจะอยู่ในพื้นที่ก็ไม่ควรจะรู้" จึงเป็นคำตอบที่ยังคลำหาทางออกไม่เจอ